วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ประวัติของหอย

-หอยหัวนก
ชื่อหอยภาษาไทย : หอยเม็ดขนุน หอยหัวนก
ชื่อท้องถิ่น : หอยหัวนก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Scapharca pilula (Reeve, 1843)
ชื่อสามัญ : Pill ark
สถานที่พบ : ชายฝั่งทะเลที่เป็นโคลนปนทราย ปากคลองตากวน ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง
ลักษณะทางอนุกรมวิธาน : เปลือกหอยเป็นรูปสี่เหลี่ยมกลม ฝาหอยทั้งสองฝามีขนาดเท่ากัน อัมโบมีลักษณะเป็นตะขอโค้งมาทางด้านหน้าทำให้เปลือกหอยเป็น inequilateral มี ligament เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีดำ ผิวเปลือกหอยภายนอกมีขนปกคลุมสีน้ำตาล เป็นแบบ radial ribs มี 22-26 เส้น บานพับตรง มีฟันเล็กๆเป็นจำนวนมากแต่ไม่เท่ากันเรียงเป็นระเบียบอยู่บนบานพับมีลักษณะคล้ายหวีเป็นแบบ taxodont teethผิวภายในฝาหอยเป็นสีขาว ขอบด้านล่างภายในฝาหอยเป็นรอยหยัก มีรอยกล้ามเนื้อยึดฝาทั้งด้านหน้าและด้านท้าย

-หอยเชลล์
ชื่อหอยภาษา : ไทย หอยเชลล์
ชื่อท้องถิ่น : หอยเชลล์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amusium pleuronectes (Linnaeus, 1758)
ชื่อสามัญ : Asian moon or Delicate saucer scallop, Delicate sun and moon shell
สถานที่พบ : โคลน ปากคลองตากวน ตำบลเนินพระ ปากคลองเพ ตำบลเพ อำเภอเมือง
ลักษณะทางอนุกรมวิธาน : เปลือกหอยเป็นวงกลมพองเล็กน้อย บางแบน มีขนาดปานกลาง ฝาหอยทั้งสองฝามีขนาดไม่เท่ากันมีอัมโบอยู่ตรงกลางทำให้เปลือกหอยเป็น equilateral โดยผิวภายนอกฝาหอยซ้ายมีสีน้ำตาลแดง ฝาหอยขวามีสีขาว ผิวเปลือกหอยภายนอกเรียบเป็นแบบ cancellate คือ มี concentric ที่บางละเอียด และแบบ radial ผิวภายในฝาหอยเป็นสีขาวทั้งสองฝา ส่วนภายในฝาหอยซ้ายบริเวณตรงกลางและขอบด้านล่างมีสีม่วง ภายในฝาหอยทั้งสองฝามีรัศมีจากอัมโบลงมายังด้านล่าง โดยฝาหอยซ้ายมี 25 เส้น ส่วนฝาหอยขวามี31 เส้น มีรอยของกล้ามเนื้อยึดฝา 2 อัน โดยรอยของกล้ามเนื้อยึดฝาด้านหน้าอยู่ใกล้บริเวณอัมโบ ส่วนรอยของกล้ามเนื้อยึดฝาด้านท้ายอยู่บริเวณตรงกลางมีขนาดใหญ่

-หอยคราง
ชื่อหอยภาษาไทย : หอยคราง
ชื่อท้องถิ่น : หอยคราง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Scapharca inaequivalvis (Bruguiere, 1789)
ชื่อสามัญ : Inequivalve ark
สถานที่พบ : ชายฝั่งทะเลที่เป็นโคลนปนทราย ปากคลองตากวน ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง
ลักษณะทางอนุกรมวิธาน : เปลือกหอยคล้ายรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ทางด้านท้ายกว้างกว่าทางด้านหน้า ปลายทางด้านท้ายเป็นรอยตัดแบบเฉียงๆ ฝาหอยทั้งสองฝามีขนาดไม่เท่ากัน มีอัมโบเฉียงมาทางด้านหน้ามีลักษณะเป็นตะขอทำให้เปลือกหอยเป็น inequilateral ผิวเปลือกหอยภายนอกมีขนปกคลุมสีน้ำตาลเป็นแบบ radialribs มี 28-29 เส้น บานพับตรงและยาวมีฟันเล็กๆ เป็นจำนวนมากเรียงเป็นระเบียบอยู่บนบานพับมีลักษณะคล้ายหวีเป็นแบบ taxodont teeth ผิวภายในฝาหอยเป็นสีขาว ขอบด้านล่างภายในฝาหอยเป็นรอยหยักคล้ายฟันปลา มีรอยกล้ามเนื้อยึดฝาทั้งด้านหน้าและด้านท้าย มี pallial line ไม่มี pallial sinus มี byssus ใช้สำหรับยึดติดกับพื้นโดย ฝังตัวอยู่ในโคลน

-หอยตาวัว
ชื่อหอยภาษาไทย : หอยตาวัว
ชื่อท้องถิ่น : หอยตาวัว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Terminidae
ชื่อสามัญ : Tapestry turban shell
สถานที่พบ : หอยตาวัวพบได้ในหาดหินแนวน้ำขึ้นน้ำลง น้ำตื้นและน้ำลึก แตกต่างตามแต่ละชนิด อาหารโดยทั่วไป จะเกินเศษซากตะกอนและสาหร่ายขนาดเล็กเป็นอาหาร
ลักษณะทางอนุกรมวิธาน : ลักษณะของหอยตาวัวน้ำลึก ทรวดทรงกลมป้อมคล้ายหอยโข่งแต่มีเปลือกหนาและหนักกว่า ช่องปากจะมีลักษณะเกือบเป็นวงกลมฝาปิดตรงช่องปากมีสีสันรูปร่างคล้ายนัยน์ตาวัว เนื่องจากเปลือกหอยชนิดนี้มีชั้นมุกหนามากเมื่อขัดออกจะเป็นสัณฐานของชั้นมุกภายใน มีประกายสีเรืองรองกระจ่างใสงดงามราวกับเนรมิตขึ้นมาด้วยฝีมือจิตรกร

-หอยทับทิม
ชื่อหอยภาษาไทย : หอยทับทิม
ชื่อท้องถิ่น : หอยทับทิม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Umbonium vestiarium (Linnaeus, 1758)
ชื่อสามัญ : Common button top
สถานที่พบ : หอยทับทิมนี้อาศัยขุดรูอยู่ในทรายบริเวณน้ำขึ้นน้ำลง เมื่อน้ำทะเลท่วมขึ้นมาถึงตัว หอยทับทิมก็จะเปิดเปลือกออกกินอาหารที่ลอยมาตามน้ำ ครั้นน้ำทะเลไหลลง บรรดาหอยทับทิมเล็ก ๆเหล่านี้ก็จะรีบแทรกตัวฝังลึกลงในทรายที่เปียกชุ่มน้ำไว้เพื่อไม่ให้ตัวแห้ง รอจนกว่าน้ำทะเลจะขึ้นใหม่อีกเมื่อหอยทับทิมตายไป เปลือกสีสวยของมันจะถูกคลื่นซัดขึ้นมากองเกลื่อนอยู่บนหาดทราย
ลักษณะทางอนุกรมวิธาน : หอยทับทิมเป็นหอยฝาเดียวขนาดเล็กเท่าเล็บนิ้วก้อย มีรูปร่างน่ารักน่าเอ็นดู เปลือกแบนกลมเหมือนลูกกระดุมสีหลายสี
ประเภทของหอย

การดูลักษณะของเปลือกหอยว่ามีวงเกลียวเวียนขวาหรือเวียนซ้าย มีหลักในการดูโดยวิธีหงายให้เห็นช่องเปลือกและหันจุดยอดของเปลือกหอยชี้ออก นอกตัวผู้ถือ หากช่องเปลือกอยู่ทางด้านขวามือผู้ถือ เปลือกหอยนั้นเวียนขวา ถ้าอยู่ทางด้านซ้ายมือเปลือกหอยนั้นเวียนซ้าย
ผิวด้านนอกของเปลือกหอยอาจเรียบเป็นมันหรือเป็นลายมิติ เช่น มีหนาม, ตุ่มสันแหลม, ร่อง หรือสันป้าน ซึ่งอาจอยู่ในแนวแกน หรือในแนวเวียนก้นหอย ช่องเปลือกอาจมีรูปกลม รีหรือแคบยาวตามแต่ชนิดของหอย มีขอบด้านนอกช่องเปลือก และขอบด้านในช่องเปลือก ซึ่งเชื่อมต่อกับแกนเปลือก หอยส่วนมากมีฝาปิด ลักษณะ เป็นแผ่น สำหรับปิดช่องเปลือก ฝาปิดนี้นอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายจากศัตรูหรือสิ่งสกปรกจากภายนอกแล้วยัง ช่วยป้องกันไม่ให้ความชื้นระเหยออกจากตัวมากเกินไป ในหอยบางชนิดมีช่องแกนเปลือก ซึ่งอยู่ระหว่างวงเกลียวสุดท้ายกับขอบด้านในของช่องเปลือกจากจุดยอดของ เปลือกลงมาถึงวงเกลียวทุกวงเกลียวเว้นวงเกลียวสุดท้าย เรียกว่า ก้นหอย ช่วงนี้มีความยาวแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของหอย
การวัดขนาดของเปลือกหอยเปลือกเดี่ยวนิยมวัดจากจุดยอดมาถึงปลายสุดของวง เกลียวสุดท้าย ถือเป็นความยาวของเปลือกช่วงกว้างที่สุดของวงเกลียวถือเป็นความกว้างของ เปลือก โดยใช้หน่วยเป็น
มิลลิเมตร หอย เปลือกเดี่ยวโดยทั่วไปอาจมีขนาดยาวตั้งแต่ 2-3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 500 มิลลิเมตร กว้างตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรไปจนถึง 300มิลลิเมตร ในหอยสังข์ยักษ์ออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นหอยเปลือกเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
2.หอยเปลือกคู่ มี เปลือกเป็นกาบ 2 กาบประกบเข้ากันและเปิดปิดได้คล้ายบานพับ เปลือกทั้ง 2 ข้าง อาจมีรูปร่างเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เปลือกอาจมีรูปกลม, รี, สามเหลี่ยม หรือรูปอื่น ๆ ก็ได้
หอยจะสร้างเปลือกบริเวณขั้วเปลือก ขึ้นก่อนแล้วสร้างเปลือกเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เปลือกทั้ง 2 ข้างยึดติดกันด้วยเอ็นยึด ซึ่งเป็นสารจำพวกโปรตีน บริเวณที่ยึดติดกันเรียก บานพับ ส่วนใหญ่บริเวณนี้มักมีแง่สบเปลือก ซึ่งมีจำนวนและขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่วงศ์ของหอย เช่น หอยแครงมี แง่สบเปลือกขนาดเล็กไล่เลี่ยกันเรียงเป็นแถว,หอยกระปุกมีแง่สบเปลือกแง่กลาง สั้นกว่าแง่สบเปลือกแง่ข้าง, หอยปิดและเปิดเปลือกโดยอาศัยกล้ามเนื้อยึดเปลือกซึ่งอาจมีกล้ามเนื้อมัดเดียว เช่น หอยพัด หรือ หอยเชลล์ หรือมีกล้ามเนื้อ 2 มัด เช่น หอยแครง, หอยลาย รอยกล้ามเนื้อยึดเปลือก เหล่านี้ได้เห็นได้ทางด้านในของเปลือกเมื่อกล้ามเนื้อหลุดไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นรอยอันเกิดจากแนวของแผ่นเนื้อที่ยึดติดกับเปลือกอันเป็นแนวเกือบขนาน กับขอบเปลือก เรียก รอยแนวแผ่นเนื้อ ผิวด้านนอกของเปลือกหอยกาบคู่บางพวกเรียบเป็นมัน บางพวกมีหนาม, สัน และร่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวรัศมีหรือแนวขนานกับขอบเปลือก บริเวณด้านข้างขั้วเปลือกของหอยบางพวก เช่น หอยพัด มีแผ่นลักษณะเป็นปีกแผ่ออกไป
เมื่อดูหอยเปลือกคู่ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้านที่เป็นช่องปากถือเป็นด้านหน้า ส่วนด้านที่มีทางน้ำเข้า-ออกและรูก้นถือเป็นด้านท้าย หากดูเปลือกหอยทางด้านในเพียงอย่างเดียว ด้านที่มีบานพับและขั้วเปลือกถือเป็นด้านบน ส่วนด้านที่อยู่ตรงข้ามซึ่งเป็นขอบเปลือกถือเป็นด้านล่าง สำหรับการดูด้านหน้ากับด้านท้ายให้สังเกตรอยเว้าแนวแผ่นเนื้อหากอยู่ด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านท้าย ส่วนด้านตรงข้ามถือเป็นด้านหน้า นอกจากนี้ ยังอาจสังเกตได้จากจะงอยเปลือกถ้าชี้ไปทางด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านหน้า ทั้งนี้ ยกเว้นหอยบางชนิด เช่น หอยเสียบ ที่จะงอยเปลือกชี้กลับตรงกันข้าม เป็นต้น
ส่วนการดูเปลือกหอยว่าเป็นกาบซ้ายหรือกาบขวานั้นให้ถือเปลือกหอยโดยเอาขั้ว เปลือกไว้ด้านบน หันปลายด้านชี้ออกนอกตัวผู้ถือ เปลือกที่อยู่ทางขวามือเป็นกาบขวา เปลือกที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นกาบซ้าย การวัดความยาวของเปลือกให้วัดระหว่างปลายด้านหน้าถึงด้านท้ายสุด ส่วนความสูงนั้นวัดจากด้านบนสุดของขั้วเปลือกถึงขอบเปลือกด้านล่างสุด
ระยะระหว่างความโค้งของผิวนอกสุดของเปลือกทั้ง 2 กาบ คือ ความหนา หอยกาบคู่ที่โตเต็มที่โดยทั่วไปมีขนาดความยาวของเปลือกไม่เกิน 10 เซนติเมตร ยกเว้นบางชนิดที่มีขนาดใหญ่มาก เช่น หอยมือเสือ อาจวัดความยาวได้มากกว่า 1 เมตร ซึ่งถือเป็นหอยเปลือกคู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

หอยจะสร้างเปลือกบริเวณขั้วเปลือก ขึ้นก่อนแล้วสร้างเปลือกเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เปลือกทั้ง 2 ข้างยึดติดกันด้วยเอ็นยึด ซึ่งเป็นสารจำพวกโปรตีน บริเวณที่ยึดติดกันเรียก บานพับ ส่วนใหญ่บริเวณนี้มักมีแง่สบเปลือก ซึ่งมีจำนวนและขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่วงศ์ของหอย เช่น หอยแครงมี แง่สบเปลือกขนาดเล็กไล่เลี่ยกันเรียงเป็นแถว,หอยกระปุกมีแง่สบเปลือกแง่กลาง สั้นกว่าแง่สบเปลือกแง่ข้าง, หอยปิดและเปิดเปลือกโดยอาศัยกล้ามเนื้อยึดเปลือกซึ่งอาจมีกล้ามเนื้อมัดเดียว เช่น หอยพัด หรือ หอยเชลล์ หรือมีกล้ามเนื้อ 2 มัด เช่น หอยแครง, หอยลาย รอยกล้ามเนื้อยึดเปลือก เหล่านี้ได้เห็นได้ทางด้านในของเปลือกเมื่อกล้ามเนื้อหลุดไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นรอยอันเกิดจากแนวของแผ่นเนื้อที่ยึดติดกับเปลือกอันเป็นแนวเกือบขนาน กับขอบเปลือก เรียก รอยแนวแผ่นเนื้อ ผิวด้านนอกของเปลือกหอยกาบคู่บางพวกเรียบเป็นมัน บางพวกมีหนาม, สัน และร่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวรัศมีหรือแนวขนานกับขอบเปลือก บริเวณด้านข้างขั้วเปลือกของหอยบางพวก เช่น หอยพัด มีแผ่นลักษณะเป็นปีกแผ่ออกไป
เมื่อดูหอยเปลือกคู่ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้านที่เป็นช่องปากถือเป็นด้านหน้า ส่วนด้านที่มีทางน้ำเข้า-ออกและรูก้นถือเป็นด้านท้าย หากดูเปลือกหอยทางด้านในเพียงอย่างเดียว ด้านที่มีบานพับและขั้วเปลือกถือเป็นด้านบน ส่วนด้านที่อยู่ตรงข้ามซึ่งเป็นขอบเปลือกถือเป็นด้านล่าง สำหรับการดูด้านหน้ากับด้านท้ายให้สังเกตรอยเว้าแนวแผ่นเนื้อหากอยู่ด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านท้าย ส่วนด้านตรงข้ามถือเป็นด้านหน้า นอกจากนี้ ยังอาจสังเกตได้จากจะงอยเปลือกถ้าชี้ไปทางด้านไหนให้ถือว่าเป็นด้านหน้า ทั้งนี้ ยกเว้นหอยบางชนิด เช่น หอยเสียบ ที่จะงอยเปลือกชี้กลับตรงกันข้าม เป็นต้น
ส่วนการดูเปลือกหอยว่าเป็นกาบซ้ายหรือกาบขวานั้นให้ถือเปลือกหอยโดยเอาขั้ว เปลือกไว้ด้านบน หันปลายด้านชี้ออกนอกตัวผู้ถือ เปลือกที่อยู่ทางขวามือเป็นกาบขวา เปลือกที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นกาบซ้าย การวัดความยาวของเปลือกให้วัดระหว่างปลายด้านหน้าถึงด้านท้ายสุด ส่วนความสูงนั้นวัดจากด้านบนสุดของขั้วเปลือกถึงขอบเปลือกด้านล่างสุด
ระยะระหว่างความโค้งของผิวนอกสุดของเปลือกทั้ง 2 กาบ คือ ความหนา หอยกาบคู่ที่โตเต็มที่โดยทั่วไปมีขนาดความยาวของเปลือกไม่เกิน 10 เซนติเมตร ยกเว้นบางชนิดที่มีขนาดใหญ่มาก เช่น หอยมือเสือ อาจวัดความยาวได้มากกว่า 1 เมตร ซึ่งถือเป็นหอยเปลือกคู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
ประวัติโมบายหอย

ปัจจุบันเปลือกหอยเริ่มต้นพร้อมกับวัฒนธรรมที่เสื่อมถอยเนื่องจากคนในปัจจุบันได้นำเอาวันธรรมตะวันตกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการอนุรักษ์การทำเปลือกหอยพวกเราจึงจัดทำโครงงานเล่มนี้ขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าการทำ และวิธีทำหอยโมบายชนิดหนึ่งและกลุ่มของพวกเราได้นำเปลือกหอยที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาทำเป็นหอยโมบาย ซึ่งแต่ละชนิดต่างก็มีความสวยงามมากมาย และกลุ่มของพวกเราได้รวบรวมข้อมูลไว้ในโครง
งานเล่มนี้ เพื่อให้บุคคลที่สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางต่อไป
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)







